วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

เด็กดีแห่!!! บวชสามเณร "ปิดเทอมทางโลก เปิดเทอมทางธรรม"

ขณะนี้ ทั่วประเทศไทย กำลังครึกครื้นด้วยกระแส "บวชสามเณร"  โดยมีโครงการ "ปิดเทอมทางโลก เปิดเทอมทางธรรม" บรรพชาสามเณรเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วไทย
วันนี้ได้มีโอกาสไปร่วมงานจึงนำภาพดีๆ มาฝากค่ะ
 (27 มีนาคม 2559) เวลา 10.00 น.  ณ วัดสว่างภพ....จังหวัดปทุมธานี สว่างไสวด้วยภาพน่าปลื้มใจ โดยมี พระครูวิจิตรอาภากร เจ้าคณะตำบลคลองสี่ เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ เป็นพระอุปัชญาย์ ให้กับเยาวชนวัยประถม ที่ "แม้จะตัวเล็กๆ ..แต่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่"
โดยพ่อแม่ผู้ปกครองต่างพร้อมใจมาร่วมประกอบพิธีเวียนประทักษิณรอบอุโบสถ และร่วมพิธีขอขมาเพื่อบรรพชาด้วยความซาบซึ้งปิติใจ
จากนั้นว่าที่สามเณรน้อยฯ นาคธรรมทายาท ตั้งใจประกอบพิธีขอบรรพชา .ทุกสายตา ส่งกำลังใจให้ จนประกอบพิธีเสร็จสิ้น
สามเณรห่มครองผ้าอย่างเรียบร้อยสง่างาม และพร้อมรับไตรสรณคมน์รับศีลจากพระอุปัชฌาย์ และฟังโอวาทอันมีค่าด้วยความพร้อมเพรียง
สำหรับโครงการอบรมนี้ จะมีระยะเวลาถึงวันที่ 17 เมษายน 2559 โดยมีศูนย์อบรมทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ href="https://www.facebook.com/ordination1M/" rel="nofollow">https://www.facebook.com/ordination1M/
ขอเป็นกำลังใจให้เหล่าเยาวชนผู้กล้า ประดุจ"อัศวินตัวน้อย" ผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา
ทั้ง เก่งและดี อย่างนี้สิ!!  อนาคตที่ดีของประเทศไทย

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

นิทานเริงใจ "สามเณรน้อยเจ้าปัญญา กับหลวงตาเจ้าอาวาส"


ณ วัดโทรมๆ แห่งหนึ่ง...
เณรน้อยเล่าให้ภิกษุชราเจ้าอาวาสฟัง...ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
"วัดเล็กๆ แห่งนี้ มีแต่ท่านกับข้าเพียง 2 รูป ตอนที่ข้าลงเขาไปบิณฑบาตชาวบ้านเอาแต่พูดจาดูถูกถากถางข้า ว่าข้าเป็นเณรป่าบ้างละ ว่าข้าเป็นเณรบ้าบ้างละ ไม่ค่อยมีใครใส่ใจทำบุญค่าธูปค่าน้ำมันตะเกียงเลย"
"เช้านี้ตอนออกไปบิณฑบาต อากาศข้างนอกหนาวเย็นมาก แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูให้ข้าเลย อาหารที่บิณฑบาตมาก็น้อยนิดน่าเวทนา ท่านอาจารย์ขอรับ ที่ท่านเคยกล่าวว่า วัดของเราจะเจริญรุ่งเรือง เสียงระฆังที่อุบาสกอุบาสิกามาเคาะตีจะดังไม่ขาดสาย น่ากลัวว่าจะเป็นเพียงความฝันเสียแล้วขอรับ"
ภิกษุชราขยับกายและปรับจีวร จากนั้นก็นั่งหลับตาฟัง ไม่พูดอะไร
เณรน้อยเห็นว่าภิกษุชราไม่กล่าวอะไร ก็บ่นต่อไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งผ่านไป ภิกษุชราจึงเอ่ยขึ้นว่า
"ลมเหนือพัดมาไม่ขาดสาย เจ้าอยู่ข้างนอก หนาวไหม?"
"หนาวสิขอรับ! กระผมหนาวจนขาจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว" เณรน้อยกล่าว
"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้เรานอนให้เช้าสักหน่อยจะดีกว่านะ!"
ภิกษุชราเรียกให้เณรน้อยดับตะเกียง จากนั้นก็เข้าห้องเพื่อที่จะพักผ่อน
เมื่อผ่านไปประมาณหนึ่ง ภิกษุชราได้เอ่ยทำลายความเงียบว่า
"ตอนนี้เจ้ารู้สึกอุ่นหรือยัง?"
"อุ่นแล้วขอรับ ตอนนี้อุ่นเหมือนนอนอยู่ท่ามกลางแสงแดดอุ่นขอรับ" เณรน้อยตอบ
"ผ้าห่ม ตอนที่วางอยู่ที่เตียง มันเย็นเฉียบ แต่เมื่อเรานำมันมาห่ม มันกลับอุ่นขึ้นทันที เจ้าคิดว่าผ้าห่มทำให้คนอุ่นหรือคนทำให้ผ้าห่มอุ่นล่ะ?" ภิกษุชราเอ่ยถาม
เณรน้อยหัวเราะและตอบกลับไปว่า
"ท่านอาจารย์ ท่านนี่แสร้งถามผมแน่ๆ ผ้าห่มจะทำให้คนอุ่นได้อย่างไรกัน คนต่างหากที่ทำให้ผ้าห่มอุ่นนะขอรับ"
"ในเมื่อผ้าห่มให้ความอบอุ่นแก่เราไม่ได้ แถมเรายังต้องให้ความอบอุ่นแก่มัน แล้วเราจะห่มผ้าห่มไปทำไมกัน?" 
เณรน้อยได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิด....
"แม้ผ้าห่มจะให้ความอบอุ่นแก่เราไม่ได้ แต่เพราะความหนาของผ้าห่มช่วยรักษาไออุ่นของตัวเราเอาไว้ได้ ทำให้เรารู้สึกอุ่นสบายภายใต้ผ้าห่มนั้นขอรับ"
เมื่อภิกษุชราได้ฟังก็ถึงกับหัวเราะออกมา
"ภิกษุอย่างพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มหนาๆ ผืนนั้น และเวไนยใต้หล้านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผ้าห่มผืนหนาผืนนั้น ขอเพียงผู้บำเพ็ญอย่างเรามีจิตใจใฝ่ในความดี ผ้าห่มที่หนาวเย็นก็จะได้รับไออุ่นจากพวกเรา จากนั้นผ้าห่มก็จะเป็นผู้รักษาไออุ่นไว้ เรานอนอยู่ใต้ผ้าห่มจึงทำให้เรารู้สึกอบอุ่น แล้วที่ว่าวัดของเราจะเจริญรุ่งเรือง เสียงระฆังที่อุบาสกอุบาสิกามาเคาะตีจะดังไม่ขาดสาย ยังจะเป็นเพียงแค่ความฝันอยู่อีกหรือเปล่า?"
เมื่อเณรน้อยได้ฟัง ก็แจ้งใจในทันที
พอถึงวันรุ่งขึ้น เณรน้อยก็ตื่นแต่เช้า 
และรีบลงเขาไปบิณฑบาต 
แม้จะพบกับคำเสียดสีและสีหน้าดูแคลนจากผู้คน 
แต่เณรน้อยก็ยังสำรวมกิริยาต่อผู้คนเหล่านั้น 
ยี่สิบปีให้หลัง...
 วัดแห่งนี้ก็ได้สร้างพระอารามใหญ่ขึ้นมาบนเนื้อที่ใหม่ไกลจากวัดเดิม 10 กว่าลี้                               มีพระภิกษุก่อเกิดขึ้นอีกมากมาย และมีอุบาสกอุกบาสิกาเข้ามาถวายธูปอย่างไม่ขาดสาย  เณรน้อยรูปนี้ก็กลายเป็นเจ้าอาวาสแทนภิกษุชราที่มรณภาพไป... 
เราทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ ต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผ้าห่มกันทั้งนั้น                               ผู้คนรอบข้างคือผ้าห่มผืนหนา และเมื่อใดที่เรามอบไออุ่นให้กับผ้าห่ม                         ผ้าห่มก็จะรักษาไออุ่นนั้นคืนให้กับเราเสมอ
และหากพุทธศาสนิกชนชาวไทย...ต่างพร้อมใจรักษาพระพุทธศาสนา
โดยหมั่นเข้าวัด ฟังธรรม ...ทำทาน และเจริญสมาธิภาวนา 
พร้อมทำหน้าที่ชักชวนกันสร้างความดี...
พระพุทธศาสนา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จักรักษาชีวิตเราเช่นกัน...
Cr : Forward LINE  By Angkanarak.
ขอบคุณภาพดีๆ จาก www.google.com 


วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

รักในวัยรุ่น ว้าวุ่น...ทำยังไงดีกับความรัก?

ถ้ากล่าวถึงภาพยนตร์ ที่ฮิตฮอตมากๆ ในหมู่วัยรุ่นแล้วก็...
เรื่องหนึ่งที่เป็นที่กล่าวถึง คือซีรีย์เรื่อง "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น"
ดารานักแสดงวัยรุ่น หน้าตาสดใส ในฉากทุกฉากที่เสมือนจริงมาก
และที่สำคัญ ซีรีย์เรื่องนี้ มีความรักเป็นตัวนำพาให้ตัวละครแต่ละตัว ดำเนินไป
ดุเด็ด เผ็ดมันส์ ....เศร้า..เหงา...เก็บกด...และรู้สึกถึงความรัก และต้องการความรักนั้นมา..
It may take only a minute to like someone,
only an hour to have a crush on someone
and only a day to love someone
but it will take a lifetime to forget someone.
"มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน
เพียงชั่วโมงที่จะนึกรักใครสักคน
และเพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน
แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตของท่านที่จะลืมคนคนนั้น"
บทเริ่มต้น...ความรักครั้งแรกของวัยรุ่น ที่อาจจะคิดว่าเป็นรักแท้
เหมือนดอกไม้แรกเริ่ม...ที่ผลิบาน ฤดูกาลแห่งความรัก
แต่ตอนมา...กลับมาว่ารักที่พบนั้นไม่ใช่รักที่แท้จริง ...หรือถาวร
ผิดหวัง...ไม่เป็นดังคิด...ไม่ได้รับการรักตอบ หรือคนที่เรารักเขาไม่รัก
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ปัญหาเยาวชนวัยรุ่น...วัยว้าวุ่น ในสมัย 2016 นี้
เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับ ผู้ปกครองที่ต้องเข้าใจเขาและให้คำแนะนำ
คือ เมื่อวัยรุ่นผิดหวังในความรักแล้ว "อาจจะคิดฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายตนเอง"
และทำร้ายฝ่ายตรงข้าม...นี่เป็นเหตุที่เริ่มเห็นข่าว วัยรุ่นฆ่าตัวตาย หรือฆ่าแฟน
ถึงเวลาที่ต้องย้อนกลับมามองลูกหลานของเราแล้ว....แต่ะจะทำอย่างไรล่ะ?
เพราะเมื่อเกิดเรื่องต่าง ๆ แล้ว ก็ยากที่จะแก้ได้ทัน 
วิธีจัดการกับความรักในวัยรุ่น (ฉบับวัยรุ่น ควรทำอย่างไร)
1. ท่องเอาไว้ว่า "เรายังเด็ก..รักครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า รักทั้งชีวิต"
2. ถ้าเขารักเรา ต้องไม่ชิงสุกก่อนห่าม ...ต้องทะนุถนอมรักจนกว่าจะเรียนจบ                                              และโตพอจะแต่งงานกัน
3. ปรึกษาเพื่อน ๆ จะได้แนวทางของเพื่อน คนที่เราควรบอกทุกอย่างไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นพ่อแม่ของเรา ที่ท่านพร้อมจะช่วยเหลือแนะนำ แต่ถ้าเราไม่กล้า ลองไปปรึกษาญาติที่เป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านความรักมาแล้วบ้าง มีประสบการณ์สอนเราได้  หรืออาจจะปรึกษาคุณครูที่ปรึกษาที่เราเคารพ ท่านจะมีแนวทางที่ดีและควรปฏิบัติให้กับเรา
4. ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ให้รีบถอนตัว อย่าถลำลึกไปกว่านั้น เรายังเด็กเกินกว่าจะรับผิดชอบชีวิตตนเองได้ 
5. สุดท้าย ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ต้องบอกตัวเองว่า "พ่อแม่ให้กำเนิดเรามา ถ้าเราทำร้ายตัวเอง ก็เปรียบเสมือน ทำร้ายท่าน" 
วิธีดูแลเมื่อวัยรุ่นมีความรัก (ฉบับ ผู้ใหญ่ควรช่วยอย่างไร)
1. อย่างแรกต้องท่องเหมือนกัน ว่าลูกหรือหลาน ก็คือ "ตัวเราสมัยวันรุ่น" เขายังอ่อนเยาว์มากนัก และยังมีความอยากรู้อยากลองทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความรัก อย่า "ปิดกั้น" เวลาเห็นหรือได้ยินว่าเขาเริ่มชอบพอกับใคร
2. คอยสอบถาม มิใช่ไต่สวน คือให้เวลากับเขาบ้าง นอกจากถามเรื่องการเรียนแล้ว เรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ก็ต้องสนใจ เช่น ช่วงนี้ทะเลาะกับเพื่อนไหม? คนที่เราชอบ/ เขาชอบเรา เป็นอย่างไร เข้าใจกันดีไหม จากนั้นให้เขาชักจูงกันไปในทางที่ดี 
3. แนะนำว่าให้ผู้ปกครอง ทำความรู้จักพ่อแม่ของเพื่อนๆ ที่ลูกสนิทด้วย เพื่อจะได้สอบถามได้ว่าลูกหลานของเราเป็นอย่างไรบ้าง บางครั้งเขาอาจจะไม่เล่าให้เราฟัง เพราะไม่กล้า แต่ในท้ายที่สุด คือ เมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมด อย่าลืมที่จะหาเวลาที่เด็กพร้อมเล่าให้เราฟังจากปากเอง
4. สนับสนุนให้เขานำความรัก ไปพัฒนาเรื่องการเรียน คอยแนะนำเสมอๆ ว่ารักที่แท้จริง ต้องเคารพซึ่งกันและกัน ทุกครั้งต้องปิดท้ายว่า ที่บอกทั้งหมดนี้ เพราะรักเขานั่นเอง
สรุปสุดท้าย ในที่นี้เป็นความเห็นของผู้เขียนทั้งหมด (เชื่อเหลือเกินว่าผู้อ่านต้องเคยผ่านความรักในวัยรุ่น มาบ้าง... เหมือนรักแรกเรื่องแฟนฉัน)
ขอให้ทุกท่านมีความรักที่บริสุทธิ์ต่อกัน ...เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าใช้มันให้เป็นในทางที่ถูกต้อง ส่วนรักแท้ที่แน่ๆ ก็คือรักจากพ่อแม่ของเรา อย่าลืมใส่ใจท่านล่ะ
ด้วยความปรารถนาดี
Cr.Angkanarak
ขอบคุณภาพจากwww.google.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

สุดยอดเทคนิค!! เรียนเก่งด้วยการฝึกสมาธิ



สมาธิคืออะไร?
สมาธิ เป็นศาสตร์และศิลป์ ที่ทุกเพศทุกวัยสามารถปฏิบัติได้
ไม่เว้นแม้กระทั่งต่างชาติ หรือต่างศาสนา จึงกล่าวได้ว่า“สมาธิ เป็นเรื่องสากล”
ซึ่งในปัจจุบัน ชาวต่างชาติ ให้ความสนใจเรื่องการทำสมาธิเป็นจำนวนมาก
นักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนนักวิจัย ทำการทดลองค้นคว้า
ทำวิจัยเรื่องผลการนั่งสมาธิ (Meditation)และได้ผลเป็นที่น่ายินดีว่า
“สมาธิ” หรือ ภาวะใจที่สงบ นิ่ง มีประโยชน์ต่อร่างกาย และจิตใจของมนุษย์
(ตัวอย่างการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด 
สมาธิใช้กับการเรียนได้อย่างไร?
การฝึกให้เยาวชนทำสมาธิ ตั้งแต่เล็กๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดี
เพราะไม่ใช่ดีแต่เฉพาะในเรื่องการเรียนของเด็กเท่านั้น
แต่ยังดีในเรื่องอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย 
ขั้นตอนการฝึกสมาธิให้กับเด็กๆ
ขั้นที่ 1:การจะฝึกเด็กให้ทำสมาธิ เราต้องเข้าใจหลักการฝึกสมาธิที่ถูกต้องก่อน
เช่น จะฝึกกำหนดเป็นลมหายใจเข้าออก
หรือฝึกกำหนดกุศลนิมิตขึ้นมาในใจ  เช่น พระพุทธรูป, ดอกบัว ฯลฯ
แต่ละวิธีก็มีเทคนิคเฉพาะ ฉะนั้นต้องรู้ให้ชัดเจนว่าจะเลือกวิธีไหน

ขั้นที่ 2 : ต้องฝึกสมาธิให้ตรงเวลาเป็นประจำ
เช่น ฝึกตอนเช้ามืด หรือก่อนนอน เป็นต้น
เมื่อถึงเวลาฝึกก็ต้องฝึกตรงเวลาจนเป็นนิสัย
            
ขั้นที่ 3 : แม้การทำอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตอนทำสมาธิ
ต้องให้เขารู้จักประคับประคองใจให้เป็นสมาธิไปด้วย
หรือกล่าวโดยง่ายทุกกิจกรรมที่ทำให้ฝึกเด็กตั้งใจ จดจ่อต่อสิ่งที่ทำ
นี่เป็นสมาธิเบื้องต้นที่ทำได้ง่ายๆ ตั้งแต่เด็กยังเล็ก
ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการฝึกสมาธิ
 เมื่อลูกของเราถูกสอนให้ฝึกสมาธิเป็นตั้งแต่เล็ก
สิ่งที่เราจะได้ขั้นต้นคือ ได้ความตรงเวลา
 ซึ่งดูเผินๆก็ไม่อัศจรรย์แต่อย่างใด แต่จริงๆ แล้วอัศจรรย์
 เพราะเรากำลังฝึกลูกให้ตัดสินแล้วก็ตัดใจเป็น
เด็กทุกคนในโลกมักจะ ติดเล่นสนุกสนาน
เมื่อติดเล่นแล้วก็จะไม่ตรงเวลาแต่เมื่อเราให้เด็กมาติดตรงการฝึกสมาธิ
แล้วต้องตรงเวลาเพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะเล่นสนุกอย่างไรก็ตาม
พอถึงเวลาฝึกสมาธิต้องให้เขามาฝึกทันที
 เลยกลายเป็นว่า ในขณะที่ฝึกสมาธินั้น ก็เป็น
การฝึกตัดใจเรื่องสนุกที่เขาเล่นไปด้วย
ความสามารถในการตัดใจของคนเรา เป็นสิ่งที่จำเป็น
ขั้นพื้นฐานของชีวิตทีเดียว เพราะว่าต่อไปข้างหน้า
 เมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนที่นอกจากตัดสิน
เรื่องราวต่างๆ ได้ว่า ดี ชั่ว ผิด ถูกแล้วยังตัดใจได้อีกด้วยว่า
 เมื่อรู้ว่าผิดก็ตัดใจทิ้งจากสิ่งนั้นไปเลย
เมื่อรู้ว่าถูก ก็ทุ่มเทจิตใจลงไปทำความดีอย่างนั้นเลย
และเมื่อถึงเวลาเรียนหรือทำกิจกรรมอะไรก็ตามในโรงเรียน
จากนั้นเมื่อใจเขานิ่งและทุ่มเทร่างกายและจิตใจของเขาพร้อม
ที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปในทางที่ดี
เชื่อได้เลยว่า “การฝึกสมาธิให้ลูก
นอกจากจะทำให้ผลการเรียนดีขึ้นแล้วจะทำให้ลูกหลานของคุณ
เป็นคนเก่งและดี อย่างแน่นอน” 
                                                                       By Angkanarak

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

เริ่มเก็บเงินออม...ตอนไหนดีน๊า??

คุณเคยคิดจะเก็บเงินเพื่ออนาคตหรือไม่?

จะเริ่มเก็บเงินออม ตอนไหน???!!! 

อายุเท่าไหร่???ที่นี่มีคำตอบ


<<วัยเยาว์ 
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉันเพิ่งเริ่มต้น 
ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ 

ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉันโตขึ้นฉันจะเก็บเงิน

<<วัยรุ่น 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...

ฉันยังเรียนหนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น
ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉันหาเงินได้เอง ฉันจึงจะเก็บ

<<วัย 20 
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่งเรียนจบ
ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง 
และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด 

ถึงตอนนั้นเมื่อฉันพร้อมฉันก็จะเก็บ

<<วัย 30 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่งมีครอบครัว

และต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน
และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้มากกว่านี้
และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ

<<วัย 40 
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีก
ฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ
และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีกสักระยะเมื่อพวกเขาเรียนจบ 
การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น
ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ

<<วัย 50 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ลูกๆ
เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว 
หลายคนกำลังจะแต่งงาน
ฉันอยากให้พวกเขา

เริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้อง
ไปช่วยญาติบางคน
ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย 
มันติดขัดไปหมด โชคดีเมื่อไหร่ฉันคงจะเก็บเงินได้

<<วัย 60 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันนึกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น 
ฉันอยากเกษียณอายุก่อน
แต่ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้าง
จำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา 
ไหนจะลูกเอยหลานเอย
ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด 
ถ้าภาระฉันหมดเมื่อไร
ฉัน ภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้

<<วัย 70 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันแก่เกินไปที่จะเก็บ
เงินบำนาญของฉัน
ก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาล
ระยะยาวทำให้ฉัน
เป็นห่วงอยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา
ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้

ตอนนี้มันสายเกินไป......
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....


ได้คำตอบหรือยังว่าควรเริ่มออมเงินตอนไหนดี???